นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่าการส่งออกข้าวใน เดือนพ. ย. 63 ที่ผ่านมา มีปริมาณ 721,779 ตัน มูลค่า 13,072 ล้านบาท โดยปริมาณและมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น 62% และ 53% เมื่อเทียบกับ เดือนต. ค. 2563 ที่ส่งออกปริมาณ 445,144 ตัน มูลค่า 8,561 ล้านบาท เนื่องจากประเทศผู้นำเข้าได้นำเข้าข้าวเพิ่มขึ้นเพื่อเตรียมไว้สำหรับเทศกาลปลายปีนี้และต้นปีหน้า จึงส่งผลให้การส่งออกข้าวขาวมีปริมาณ 255,779 ตันเพิ่มขึ้น 89% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน
โดยส่วนใหญ่ส่งไปยังประเทศญี่ปุ่น บราซิล เบนิน จีน โมซัมบิก สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก แองโกล่า เป็นต้น ขณะที่การส่งออกข้าวนึ่งปริมาณ 249,425 ตันเพิ่มขึ้น 39% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนส่วนใหญ่ส่งไปตลาดประจำในแถบแอฟริกา ส่วนการส่งออกข้าวหอมมะลิ (ต้นข้าว) มีปริมาณ 124,245 ตันเพิ่มขึ้น 74% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนซึ่งส่วนใหญ่ยังคงส่งไปยังตลาดประจำ เช่น สหรัฐฯ จีน ฮ่องกง แคนาดา เป็นต้น
ทั้งนี้สมาคมคาดว่าในเดือน ธ.ค. 63 ปริมาณส่งออกข้าวจะอยู่ที่ประมาณ 600,000 ตันซึ่งจะทำให้ในปี 63 ไทยส่งออกข้าวได้ประมาณ 5.7-5.8 ล้านตัน จากที่เคยคาดการณ์ว่าจะส่งออกได้ถึง 7.5 ล้านตัน ตอนต้นปีและปรับลดลงมาเหลือ 6 ล้านตัน แต่เนื่องจากประสบกับปัญหาค่าเงินบาทแข็งตัวต่อเนื่อง ราคาข้าวไทยสูงกว่าประเทศคู่แข่ง ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ใช้บรรจุสินค้า ประกอบกับค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้นมากทำให้การส่งมอบสินค้าต้องล่าช้ากว่ากำหนดและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นรวมทั้งการระบาดของโควิด -19 ทั่วโลกที่ส่งผลต่อเศรษญกิจของประเทศผู้นำเข้าชะลอตัว
ราคาข้าวของไทยในช่วงนี้มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ทั้งข้าวขาวและข้าวนึ่ง ขณะที่ข้าวหอมมะลิค่อนข้างทรงตัวท่ามกลางภาวะค่าเงินบาทที่ยังอยู่ในทิศทางแข็งค่า ซึ่งส่งผลให้ราคาข้าวไทยห่างจากอินเดียประมาณ 150 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อตัน